น้ำมันอากาศยานยั่งยืน (SAF)

รองศาสตราจารย์ ดร.ณกร อินทร์พยุง ที่ปรึกษาคณบดีคณะโลจิสติกส์ ม.บูรพา ที่ปรึกษาและผู้ก่อตั้ง กินอยู่ดี แพลตฟอร์ม เข้าพบ คุณสกุลรัตน์ สิริพันธ์โนน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ KSL Group อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว เพื่อหารือความร่วมมือในโครงการผลิตเอทานอล จากข้าวฟ่างหวาน (Sweet Sorghum) เพื่อใช้เป็นส่วนผสมของน้ำมันเครื่องบิน หรือน้ำมันอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel : SAF) เชิงพาณิชย์

ประเทศไทยอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการพิจารณานโยบายบังคับใช้เชื้อเพลิง SAF โดยคาดว่าภายในไตรมาสสุดท้ายปี 2568 จะออกประกาศและเริ่มต้นจากการกำหนดให้ใช้ในสัดส่วนเพียง 1% ก่อนในระยะแรก และในปี 2568 สหภาพยุโรป (EU) กำหนดให้สายการบินที่บินเข้ายุโรปต้องใช้น้ำมัน SAF 3% และจะเพิ่มเป็นขั้นบันได 15-50% ภายในปี 2593 (ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ)

การผลิตเอทานอล จากข้าวฟ่างหวาน เป็นหนึ่งใน Flagship โปรเจ็ค ภายใต้โครงการ Sorghum BCG ของคณะเทคโนโลยีการเกษตร และคณะโลจิสติกส์ (AGLOG) โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากสถาบันวิจัยพืชไร่และพืชทดแทนพลังงาน กรมวิชาการเกษตร ข้าวฟ่างหวาน ที่จะนำมาใช้ในโครงการ เป็นสายพันธุ์ CB5 (ข้าวฟ่างหวานกวก.อุบลราชธานี 1) ที่ได้รับการพัฒนาจากกรมวิชาการเกษตรมาตั้งแต่ปี 2554 ให้มีน้ำหนักต้นและปริมาณน้ำคั้นสูง โดยให้ค่าความหวาน 19.2 องศาบริกซ์ ซึ่งใกล้เคียงกับอ้อย และมีลักษณะเด่นที่สำคัญ คือ ใช้ปริมาณน้ำในการเพาะปลูกน้อยกว่าอ้อย 40% (เหมาะกับการปลูกในพื้นที่แห้งแล้ง ดินเสื่อมโทรม) และมีอายุเก็บเกี่ยวต้นสด ประมาณ 80 – 85 วัน ซึ่งน้อยกว่าอ้อยมาก (อ้อยใช้เวลาเก็บเกี่ยวถึง 1 ปี หรือ 365 วัน) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้าวฟ่างหวานเหมาะที่จะเป็นพืชทางเลือก ที่จะนำมาผลิตเอทานอลเพื่อใช้เป็นน้ำมันอากาศยานยั่งยืน (SAF) โดยสอดคล้องกับหลักการของ ICAO หรือองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศในด้าน Sustainability และ Food Security นั่นคือ เป็นพืชทางเลือกที่ใช้น้ำน้อยและไม่แย่งห่วงโซ่อาหารของมนุษย์

ทั้งนี้ KSL Group มีความสนใจในโครงการนำร่องวิเคราะห์และทดสอบความเป็นไปได้สำหรับการใช้ประโยชน์จากข้าวฟ่างหวาน เพื่อใช้เป็นน้ำมันอากาศยานยั่งยืน (SAF) กับบริษัทในเครือ บริษัท บีบีจีไอ ไบโอเอทานอล (ฉะเชิงเทรา) จำกัด ที่ KSL ร่วมทุนกับบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เพื่อสนับสนุนการบริหารความเสี่ยงในด้านซัพพลายและจัดการต้นทุนวัตถุดิบ อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายในการด้านการจัดการซัพพลายเชนในการขยายพื้นที่เพาะปลูกข้าวฟ่างหวาน เพื่อให้มีผลผลิตเพียงพอต่อการผลิตเอทานอลเพื่อใช้เป็น SAF ในระดับอุตสาหกรรม ขั้นต่ำ อย่างน้อย 200,000 – 1,000,000 ลิตรต่อวัน

Thai Bioplastics

ดร.ณกร อินทร์พยุง ที่ปรึกษาและผู้ก่อตั้ง กินอยู่ดี แพลตฟอร์ม เข้าร่วมประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2568 สมาคมอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพไทย (Thai Bioplastics Industry Association: TBIA) วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 โรงแรมกราฟ กรุงเทพฯ

Bacteria profile

ดร.ณกร อินทร์พยุง ที่ปรึกษาและผู้ก่อตั้ง กินอยู่ดี แพลตฟอร์ม เข้าร่วมอบรม การหาลำดับเบสพันธุกรรมและโปรไฟล์แบคทีเรีย ด้วยเทคโนโลยี Oxford Nanopore (ONT) Long-Read Sequencing โดยเริ่มจากการเตรียมตัวอย่าง สกัดดีเอ็นเอของแบคทีเรีย (Bacteria) ติดบาร์โค้ดตัวอย่าง วัดปริมาณดีเอ็นด้วยเครื่อง Qubit แล้วนำตัวอย่างใส่ใน Flowcell เพื่อวิเคราะห์หาลำดับ (Sequence) เบสพันธุกรรมแบคทีเรียโดยใช้ Workflow 16S RNA และ Metagenome ทั้งนี้ การเตรียมความพร้อมดังกล่าว จะถูกนำไปต่อยอดงานด้านวิจัยด้านอุตสาหกรรมชีวภาพ และโปรไบโอติกส์เพื่อส่งเสริมสุขภาพ

Biomass power plant

รองศาสตราจารย์ ดร.ณกร อินทร์พยุง คณบดีคณะโลจิสติกส์ ม.บูรพา ที่ปรึกษาและผู้ก่อตั้ง กินอยู่ดี แพลตฟอร์ม (วิสาหกิจเพื่อสังคม) เข้าเยี่ยมชมโรงไฟฟ้าชีวมวล (Biomass power plant) ขนาด 9.6 เมกกะวัตต์ บริษัท กรีน พาวเวอร์ 2 ตำบลศาลาลำดวน อำเภอเมือง จังหวัดสระแก้ว โดยผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเศษวัสดุต่าง ๆ ที่เป็นชีวมวล หรือวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น จากเปลือกไม้ยูคาลิปตัส ไม้ผสม ทะลายปาล์ม ใยปาล์ม เหง้ามัน ใบอ้อย ฯลฯ Key Success Factors ของโรงไฟฟ้าชีวมวล ขึ้นอยู่กับการบริหารซัพพลายเชน ฝ่ายจัดหา/จัดซื้อวัตถุดิบที่เป็นชีวมวลหรือของเหลือทางการเกษตรฯ (Feed stock) ป้อนเข้าสู่โรงงาน ในปริมาณ 200 – 300 ตัน ต่อวัน เพื่อผลิตไฟ้ฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง 24/7 รวมทั้ง การบริหารส่วนต่างราคา (กำไร) ของ Feed stock ที่รวบรวมมาจากแหล่งต่าง ๆ เพื่อให้ Stakeholders ในซัพพลายเชน ได้รับประโยชน์ร่วมกันอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การบริหารต้นทุนการขนส่ง จากแหล่ง Feed stock เข้าสู่โรงงาน ซึ่งเป็นต้นทุนหลักในการผลิตไฟฟ้า และส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัทโดยตรง บริษัทฯ ได้จำหน่ายไฟฟ้าตามสัญญาการขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Very Small Power Producer (VSPP ขนาดต่ำกว่า 10 เมกะวัตต์), Feed-in Tariff (Fit) ให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ตลอดอายุสัญญา 15 ปี

Sorghum BCG

รองศาสตราจารย์ ดร. ณกร อินทร์พยุง คณบดีคณะโลจิสติกส์ ม.บูรพา ที่ปรึกษาและผู้ก่อตั้ง กินอยู่ดี แพลตฟอร์ม (วิสาหกิจเพื่อสังคม) ขับเคลื่อนโครงการสำคัญ “ต้นแบบโมเดลเศรษฐกิจ BCG ข้าวฟ่าง สร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตร พลังงานหมุนเวียนโรงไฟฟ้าไบโอก๊าซ และเอทานอล กลับคืนสู่ปุ๋ยชีวภาพ” ซึ่งเป็นแนวคิดการประยุกต์ใช้โมเดลเศรษฐกิจ BCG โดยใช้ ข้าวฟ่าง เป็นต้นแบบ ซึ่งจะช่วยปลูกฝังแนวคิดเศรษฐกิจ BCG และนำไปขยายผล หรือปรับประยุกต์ใช้ให้เข้ากับบริบทของพื้นที่และชุมชน เพื่อสร้างรายได้เพิ่มให้กับเกษตรกร อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ได้ความอนุเคราะห์จาก บริษัท เอี่ยมบูรพา จำกัด อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว ผู้ผลิตแป้งมันสำปะหลังรายใหญ่ของประเทศ ซึ่งมีพื้นที่โรงงานและเกษตรครบวงจรกว่า 3 พันไร่ อนุญาตให้เข้าเยี่ยมชมกระบวนการผลิตก๊าซชีวภาพ (Biogas) และไฟฟ้าจากของเหลือทิ้งจากการผลิตฯ รวมทั้ง โรงงานต้นแบบผลิตเอทานอลจากกากมันสำปะหลัง

“ข้าวฟ่าง” พืชท้องถิ่นที่มีศักยภาพสูง ในการเพาะปลูกในพื้นที่แห้งแล้ง ต้องการน้ำน้อย ทนต่อสภาพแวดล้อม (เช่น พื้นที่ดินส่วนใหญ่ในจังหวัดสระแก้ว) และให้ผลผลิตต่อไรสูง การจัดการห่วงโซ่คุณค่าของพืช ข้าวฟ่าง เริ่มจากกระบวนการเพาะปลูกและแปรแปรรูปเมล็ดข้าวฟ่าง สู่ผลิตภัณฑ์อัตตาลักษณ์ท้องถิ่น อาทิเช่น มอลต์ข้าวฟ่าง (Sorghum malt) และเครื่องดื่มสันทนาการ ปราศจากกลูเตน (Gluten free) จากนั้น ใช้ส่วนของลำต้น สร้างธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ไบโอเอทานอล และไฟฟ้าจากก๊าชชีวภาพที่เกิดจากกระบวนการหมัก รวมทั้งการผลิตพลาสติกชีวภาพจากแบคทีเรีย (PHA Bioplastics) ลำต้นที่เหลือทิ้งจากการแปรรูปแล้ว และกากที่เหลือจากกระบวนการผลิตก๊าซชีวภาพ สามารถนำไปใช้เป็นสารปรับปรุงดิน (ปุ๋ยชีวภาพ)